FAQs

คำถามที่พบบ่อย (กระชับรูปร่างและสัดส่วน)

หมวดหมู่

Table of Contents

Q&A เกี่ยวกับ “ลดไขมัน”

การลดไขมัน (Fat Loss) จะเน้นการลดปริมาณไขมันในร่างกายโดยเฉพาะ ซึ่งจะมีทั้งไขมันที่อยู่ใต้ผิวหนัง และไขมันบริเวณช่องท้อง เพื่อช่วยให้รูปร่างกระชับและสุขภาพดีขึ้น

ส่วนการลดน้ำหนัก (Weight Loss) คือ การลดตัวเลขบนตราชั่ง หรือการลดน้ำหนักของร่างกายโดยรวมทั้งหมดให้เบาลง ซึ่งอาจประกอบด้วยกล้ามเนื้อ น้ำ และไขมัน หรืออาหารที่เรารับประทานเข้าไปด้วย

คนที่อยากลดไขมันแนะนำเลือกรับประทานอาหาร เพื่อช่วยสร้างกล้ามเนื้อและเพิ่มการเผาผลาญไขมัน ดังนี้

  • อาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น ไก่ ปลา ไข่ ผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ
  • โปรตีนจากพืช เช่น ถั่วเหลือง เต้าหู้ เมล็ดเจีย ควินัว
  • อาหารที่มีไฟเบอร์สูง อย่างผักและผลไม้ เช่น กล้วยน้ำว้า ส้ม มะม่วง บร็อคโคลี แครอท เป็นต้น
  • อาหารที่มีไขมันดี เช่น อะโวคาโด น้ำมันมะกอก ถั่ว อัลมอนด์
  • คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าวไม่ขัดสี ข้าวกล้อง ธัญพืช ขนมปังโฮลวีต
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูง ไขมันทรานส์ และอาหารแปรรูป
  • การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ (Cardio) เช่น วิ่ง เดินเร็ว ปั่นจักรยาน หรือว่ายน้ำ จะช่วยเผาผลาญพลังงานและไขมันส่วนเกินในร่างกายได้ดี
  • การออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่ง (Weight Training) หรือการยกเวท จะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง และช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญให้สามารถทำงานต่อเนื่องยาวนาน
  • ดังนั้น การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอจะช่วยเผาผลาญไขมันได้ดีกว่าการเวทเทรนนิ่ง แต่จะทำให้กล้ามเนื้อไม่กระชับ หุ่นไม่เฟิร์ม

จึงแนะนำให้ออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่งควบคู่ไปกับการคาร์ดิโอ เพื่อเพิ่มการเผาผลาญไขมันและกระชับสัดส่วนไปด้วย

  • การควบคุมอาหารอย่างเดียวโดยไม่ออกกำลังกายสามารถลดไขมันได้ หากร่างกายอยู่ในภาวะ Calorie Deficit หรือร่างกายได้รับพลังงานจากการกินให้น้อยกว่าพลังงานที่ร่างกายจะใช้
  • แต่การลดไขมันที่ถูกต้อง ควรทำควบคู่กันไปทั้งสองอย่าง ทั้งการควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย เพราะการออกกำลังกายจะช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญไขมัน ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ และทำให้รูปร่างกระชับมากขึ้น

ลดไขมันแล้วน้ำหนักไม่ลดอาจเกิดจากการเพิ่มขึ้นของมวลกล้ามเนื้อ แต่ไขมันลดลง ซึ่งกล้ามเนื้อจะมีความหนาแน่นมากกว่าไขมัน และการลดไขมันอาจส่งผลทำให้รูปร่างกระชับขึ้นแต่ตัวเลขบนตาชั่งอาจไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก

โปรแกรมแนะนำที่จะช่วยลดไขมัน ลดน้ำหนัก และดูแลรูปร่างจากสปาชามีด้วยกันดังนี้

  • Freeze Shaping
    เป็นนวัตกรรม Cryolipolysis โปรแกรมสลายไขมันด้วยความเย็น (อุณหภูมิ -5 ถึง -9 องศาเซลเซียส) โดยส่งผ่านความเย็นลงไปใต้ชั้นผิวหนังเข้าสู่ชั้นไขมัน เพื่อทำให้เซลล์ไขมันตายลง เมื่อเซลล์ไขมันตายจะถูกร่างกายกำจัดออกไปตามธรรมชาติ โดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัด

  • Belly Burn
    นวัตกรรม Electronic Massager ผสานการนวดและแรงสั่นสะเทือนลึก ช่วยสลายถึงชั้นไขมัน พร้อมชะลอการสะสมไขมันใหม่ในอนาคต

  • Supreme Sculpt
    เป็นโปรแกรมลดไขมัน สร้างกล้ามเนื้อ เสมือนการออกกำลังกายกระตุ้นกล้ามเนื้อให้หดตัวแบบ Supramaximal Contraction โดยใช้เทคโนโลยีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความเข้มข้นสูง เทียบเท่ากับการซิทอัพ (Sit-up) หรือการสควอช (Squat) ถึง 20,000 ครั้ง ทำให้สามารถดึงไขมันส่วนเกินออกมาใช้ในรูปแบบของพลังงาน และยังช่วยให้กล้ามเนื้อที่หย่อนคล้อยกระชับขึ้น

  • HIIT FIRM
    โปรแกรมกระตุ้นกล้ามเนื้อ เผาผลาญไขมัน และกระชับกล้ามเนื้อ ด้วยการผสมผสานการทำงานของคลื่นพลังงานความร้อน Infrared และคลื่น Micro Current คลื่นกระแสไฟฟ้าอย่างอ่อน ทำให้รู้สึกถึงการหดตัวของกล้ามเนื้อตรงจุด เพิ่มการไหลเวียนเลือดในบริเวณที่ทำการกระตุ้น และเผาผลาญไขมันส่วนเกินของเราด้วย

Q&A เกี่ยวกับ “สร้างกล้ามเนื้อ"

  • กล้ามเนื้อช่วยพยุงโครงสร้างทั้งหมดของร่างกายให้สมดุล
  • ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญพื้นฐาน และช่วยควบคุมน้ำหนัก
  • ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง เพิ่มความทนทานในการออกกำลังกาย ป้องกันการบาดเจ็บและเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น
  • ช่วยรักษามวลกระดูก ดูแลข้อต่อไม่ให้รับแรงกระแทกมากเกินไป และลดโอกาสเกิดภาวะกระดูกพรุนในอนาคต
  • การสร้างกล้ามเนื้อจะช่วยเพิ่มความกระชับของร่างกาย ลดความหย่อนคล้อยที่อาจเกิดขึ้นตามวัยหรือจากการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว

อาหารที่ควรรับประทาน

  • โปรตีนสูง เช่น ไข่, อกไก่, ปลาแซลมอน, เนื้อไม่ติดมัน, เต้าหู้, ถั่ว, และผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ
  • คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าวกล้อง, มันหวาน, ขนมปังโฮลวีต
  • ไขมันดีและไขมันต่ำ เช่น อะโวคาโด, น้ำมันมะกอก, ถั่วเปลือกแข็ง
  • วิตามินและแร่ธาตุ เช่น ผักใบเขียว, ผลไม้สด

อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง

  • อาหารแปรรูป
  • อาหารที่มีน้ำตาลสูง และไขมันทรานส์
  • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

การนอนพักผ่อนเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยฟื้นฟูและเสริมสร้างกล้ามเนื้อได้ โดยระหว่างที่เรานอนหลับนั้น ร่างกายจะมีกระบวนการการฟื้นฟู เสริมสร้าง และซ่อมแซมเส้นใยกล้ามเนื้อเกิดขึ้น รวมทั้งจะผลิตฮอร์โมนการเจริญเติบโตที่สำคัญต่อการเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ (Growth Hormone) ขึ้นมา ดังนั้น เพื่อช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูและเสริมสร้างกล้ามเนื้อ แนะนำให้พักผ่อนให้เพียงพอ โดยควรนอนวันละ 7-9 ชั่วโมง

หัตถการทางการแพทย์ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อได้ โดยโปรแกรมแนะนำจาก SparSha ที่จะช่วยกระตุ้นการสร้างกล้ามเนื้อ ได้แก่

  • Supreme Sculpt
    เป็นโปรแกรมที่ใช้เทคโนโลยีพลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความเข้มสูง เพื่อกระตุ้นการหดตัวของกล้ามเนื้อแบบ Supramaximal Contraction ทำให้เกิดการหนาตัวของกล้ามเนื้อ การเพิ่มขึ้นของเส้นใยกล้ามเนื้อ และช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมันมากขึ้น
  • HIIT FIRM
    เป็นโปรแกรมที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงและกระชับกล้ามเนื้อ โดยการผสมผสานการทำงานของคลื่นพลังงานความร้อน Infrared และคลื่น Micro Current คลื่นกระแสไฟฟ้าอย่างอ่อน ทำให้รู้สึกถึงการหดตัวของกล้ามเนื้อตรงจุด ซึ่งจะช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อ เผาผลาญไขมัน และกระชับกล้ามเนื้อของเราด้วย

Q&A เกี่ยวกับ “กระตุ้นการเผาผลาญ”

การเผาผลาญในร่างกาย (Metabolism) คือ กระบวนการที่เปลี่ยนอาหารให้เป็นพลังงาน เพื่อนำมาใช้ในกระบวนการต่างๆ เช่น การหายใจ การทำงานของอวัยวะภายใน การย่อยอาหาร การเคลื่อนไหวร่างกาย และการซ่อมแซมเซลล์ ซึ่งระบบเผาผลาญจะทำงานอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง แม้ในยามหลับร่างกายก็ยังมีการเผาผลาญไปด้วย เรียกว่า “อัตราการเผาผลาญพื้นฐาน (BMR)” เพื่อขับเคลื่อนให้ร่างกายยังทำงานได้เป็นปกติ

ระบบเผาผลาญพัง (Metabolic Damage) อาจส่งผลทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้ง่าย เนื่องจากระบบเผาผลาญพังเป็นสภาวะที่ร่างกายไม่สามารถเผาผลาญสารอาหารที่กินเข้าไป หรือนำเอาพลังงานไปใช้ได้น้อยกว่าปกติ ทำให้พลังงานส่วนเกินถูกเก็บสะสมเป็นไขมัน จึงเพิ่มโอกาสเป็นโรคอ้วนและมีปริมาณไขมันมากขึ้นได้ อีกทั้ง การได้รับแคลอรี่จากอาหารมากกว่าปริมาณที่เผาผลาญก็ทำให้น้ำหนักขึ้นหรืออ้วนง่ายได้เช่นกัน

อาการที่อาจบ่งบอกว่าระบบเผาผลาญของคุณกำลังพัง ได้แก่

  • ผิวแห้ง ผมเปราะบาง ผมหลุดร่วงง่าย
  • อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ไม่มีพลังงาน
  • สมองตื้อ คิดอะไรไม่ค่อยออก
  • ท้องผูก อาหารไม่ย่อย ไม่อยากอาหาร
  • ลดน้ำหนักยาก น้ำหนักขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • รู้สึกหนาวง่ายแม้ในอากาศปกติ
  • มีปัญหาการนอนหลับ หรือง่วงตลอดเวลา

หากพบอาการเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจสอบระบบเผาผลาญ หรือสุขภาพโดยรวมค่ะ

  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ด้วยการเวทเทรนนิ่งบวกกับคาร์ดิโอ เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อและเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงาน
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อร่างกาย เพราะน้ำจะช่วยให้กระบวนการเผาผลาญและระบบต่าง ๆ ทำงานได้ดีขึ้น
  • เพิ่มการเคลื่อนไหวร่างกายในชีวิตประจำวัน เช่น เดินบ่อยขึ้น หรือขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟต์ เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานระหว่างวัน
  • นอนหลับให้เพียงพอ ประมาณ 7-9 ชั่วโมงต่อวัน การนอนหลับพักผ่อนที่ดีจะช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนที่เกี่ยวกับระบบการเผาผลาญให้ทำงานปกติ
  • ลดความเครียด เพราะความเครียดทำให้ระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลเพิ่มขึ้น และอาจยับยั้งการทำงานของระบบเผาผลาญได้
  • เน้นการกินโปรตีนเป็นหลัก เพื่อเร่งอัตราการเผาผลาญพลังงานและเสริมสร้างกล้ามเนื้อ และสามารถกินแป้งและไขมันได้ เพราะเป็นสารอาหารที่ทำให้ระบบต่างๆ ทำงานได้ดีด้วยเช่นกัน แต่ควรควบคุมปริมาณให้เหมาะสมกับร่างกาย

โปรแกรม IV Weight Loss เป็นการดริปวิตามิน หรือการให้สารอาหารและวิตามินผ่านทางหลอดเลือด ซึ่งเป็นสูตรที่ช่วยควบคุมน้ำหนักและกระตุ้นการเผาผลาญ โดยมีส่วนประกอบสำคัญ ได้แก่ L-Carnitine, Alpha-Lipoic Acid, Vitamin B Complex และ Vitamin B12 ส่วนประกอบเหล่านี้จะช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบเผาผลาญของเซลล์ให้ดีขึ้น ลดการสะสมไขมัน และเปลี่ยนไขมันมาเป็นพลังงานให้ร่างกายนำกลับมาใช้ พร้อมช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและเพิ่มอัตราการฟื้นฟูของกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกายได้ดี

อีกทั้งยังช่วยปกป้องเซลล์จากสารอนุมูลอิสระ และส่งเสริมการทำงานของระบบประสาทและสมองได้อีกด้วย

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า