ฉีดโบท็อกซ์บ่อยแล้วจะดื้อโบจริงไหม? เช็กด่วน! ฉีดอย่างไรไม่ให้ดื้อโบท็อกซ์
ปัจจุบันการเข้ารับบริการโปรแกรมฉีดโบท็อกซ์ เป็นการทำหัตถการความงามที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอย หรือปรับรูปหน้าให้เรียวสวย และผู้ที่นิยมทำโปรแกรมฉีดโบท็อกซ์ก็คงจะเคยได้ยินคำว่า “ดื้อโบท็อกซ์” กันมาบ้าง หลายๆ คนจึงอาจเกิดคำถามว่าฉีดโบท็อกซ์บ่อยๆ จะดื้อยาไหม? แต่ความจริงแล้ว ดื้อโบท็อกซ์ คืออะไร? เกิดจากสาเหตุใด? หรืออาการแบบไหนเรียกว่าดื้อโบท็อกซ์ วันนี้สปาชาจึงจะมาแนะนำข้อมูลเกี่ยวกับภาวะการดื้อโบท็อกซ์ให้กับทุกท่านที่สนใจฉีดโบท็อกซ์ได้รู้จัก และแนะนำวิธีการฉีดอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดภาวะดื้อโบท็อกซ์ในอนาคต
ดื้อโบท็อกซ์ คืออะไร?
ดื้อโบท็อกซ์ เป็นภาวะที่เมื่อเราฉีดโบท็อกซ์เข้าไปแล้วไม่เห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงเท่าที่ควร หรือไม่เห็นผลเลย ซึ่งเกิดจากร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อสารโบทูลินัมท็อกซิน (Botulinum toxin) ขึ้นมาเพื่อต่อต้านสิ่งแปลกปลอม จึงทำให้สารโบทูลินัมท็อกซินออกฤทธิ์ได้น้อยลง เช่น เมื่อฉีดโบลดริ้วรอย จุดที่ฉีดเพื่อแก้ปัญหาริ้วรอยกลับมามีริ้วรอยอีกครั้งไวกว่าเดิม หรือฉีดโบลดกรามแล้วกรามกลับมาเด้งไวกว่าปกติ รวมทั้งอาจไม่เห็นผลนานเท่ากับตอนฉีดครั้งแรกๆ นั่นเอง
สาเหตุของการดื้อโบท็อกซ์เกิดจากอะไร?
สำหรับสาเหตุของอาการดื้อโบท็อกซ์สามารถแบ่งออกเป็น 3 สาเหตุหลักๆ ได้ดังนี้
- ฉีดโปรแกรมโบท็อกซ์ไม่มีคุณภาพ หรือโบท็อกซ์ปลอม
การฉีดโบท็อกซ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน เป็นสาเหตุของการดื้อโบท็อกซ์ที่พบได้บ่อยๆ เพราะเป็นตัวยาที่ลักลอบหิ้วเข้ามาจากต่างประเทศ โดยไม่ได้มาตรฐาน ไม่ผ่านอย. หรือไม่มีการควบคุมอุณหภูมิตัวยา จนทำให้ตัวยาเสื่อมคุณภาพและมีการปนเปื้อน ส่งผลให้เมื่อทำการรักษาด้วยโปรแกรมฉีดโบท็อกซ์แล้วไม่เห็นผลหรือเห็นผลน้อยลง และอาจส่งผลต่อการทำโปรแกรมฉีดโบท็อกซ์ในครั้งต่อไป แม้ว่าจะฉีดด้วยตัวยาแท้ก็อาจจะเห็นผลได้น้อยลง
- ทำโปรแกรมฉีดโบท็อกซ์ถี่ หรือฉีดบ่อยเกินไป
หากร่างกายได้รับสารโบทูลินัมท็อกซินบ่อยๆ หรือรักษาด้วยโปรแกรมฉีดโบท็อกซ์บ่อย จะทำให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน (Antibody) เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เมื่อฉีดสารโบทูลินัมท็อกซินในครั้งต่อๆ ไป อาจจะไม่เห็นผลการเปลี่ยนแปลงเท่าที่ควร หรือไม่เห็นผลลัพธ์แล้ว ดังนั้น เพื่อไม่ให้เกิดภาวะดื้อโบท็อกซ์จึงควรเว้นระยะการฉีดจากครั้งล่าสุดอย่างน้อย 3 เดือน และไม่ควรเว้นระยะห่างเกิน 5-6 เดือน เพราะจะทำให้ใช้ยูนิตของโบท็อกซ์เยอะขึ้นในครั้งถัดไปได้
- ฉีดโบท็อกซ์ในปริมาณที่มากจนเกินไป
เมื่อผู้รับบริการโปรแกรมฉีดโบท็อกซ์ได้รับสารโบทูลินัมท็อกซินในปริมาณมาก หรือได้รับการรักษาต่อเนื่องยาวนาน อาจส่งผลทำให้ดื้อโบท็อกซ์ได้ เนื่องจากการฉีดโบท็อกซ์เยอะเกินไป จะทำให้สารโบทูลินัมท็อกซินตกค้างอยู่ในร่างกาย แล้วร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันออกมาต่อต้านกับสารที่ตกค้างอยู่ในร่างกายและเกิดอาการดื้อโบท็อกซ์ได้ในที่สุด ซึ่งโดยปกติแล้วในแต่ละครั้งไม่ควรฉีดเกิน 300 ยูนิตนั่นเอง
อาการดื้อโบท็อกซ์มีลักษณะเป็นอย่างไร?
ลักษณะอาการดื้อโบท็อกซ์สามารถสังเกตได้ 3 ระดับ ได้แก่
- ระดับที่ 1 : จากปกติที่ทำการรักษาด้วยโปรแกรมฉีดโบท็อกซ์ในยูนิตเท่าเดิม ฉีดแล้วเห็นผล แต่เมื่อเกิดอาการดื้อโบท็อกซ์ทำให้เมื่อฉีดในปริมาณเท่าเดิมแล้วกลับไม่ค่อยเห็นผลลัพธ์ หรือฉีดแล้ว ริ้วรอยกลับมาเร็วและกรามกลับมาเด้งไวขึ้นกว่าปกติ
- ระดับที่ 2 : ต้องเพิ่มปริมาณยูนิตของสารโบทูลินัมท็อกซินมากขึ้น ถึงจะเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงที่สามารถลดริ้วรอยและลดกรามได้
- ระดับที่ 3 : เมื่อเพิ่มปริมาณสารโบทูลินัมท็อกซินมากขึ้นแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นผลการเปลี่ยนแปลงของการฉีดโบลดริ้วรอย หรือการฉีดโบเพื่อปรับรูปหน้าหลังการรักษา
จะรู้ได้อย่างไรว่าเรามีภาวะ “ดื้อโบท็อกซ์” ?
การเกิดภาวะดื้อโบท็อกซ์สามารถสังเกตตัวเองหลังทำการรักษาด้วยโปรแกรมฉีดโบท็อกซ์ เช่น เมื่อฉีดมาแล้วระยะเวลาในการออกฤทธิ์ของตัวยา หรือผลลัพธ์หลังทำอยู่ได้น้อยลง จากปกติในการฉีดช่วงแรกๆ อยู่ได้นาน 6 เดือน แต่ครั้งนี้อยู่ได้นานเหลือเพียง 3 เดือน และผลลัพธ์หลังฉีดเริ่มอยู่ได้น้อยลงเรื่อยๆ จนเมื่อทำโปรแกรมฉีดโบท็อกซ์แล้วไม่เห็นผลการเปลี่ยนแปลงตามที่คาดหวัง หรือไม่เห็นผลเลย
นอกจากนี้ยังสามารถทำการทดสอบว่าเราดื้อโบท็อกซ์หรือไม่ โดยให้แพทย์ฉีดหน้าผากหรือจุดที่มีริ้วรอยเพียงฝั่งเดียว จากนั้นรอดูผลลัพธ์หลังการรักษาประมาณ 2 สัปดาห์ หากริ้วรอยบริเวณที่ฉีดไปแล้วไม่หายไปแสดงว่าเราอาจมีภาวะดื้อโบท็อกซ์ได้
โปรแกรมฉีดโบท็อกซ์ อยู่ได้กี่เดือน?
โดยปกติแล้วหลังทำโปรแกรมฉีดโบท็อกซ์จะสามารถอยู่ได้กี่เดือนนั้น มักจะขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีดและยี่ห้อสารโบทูลินัมท็อกซินที่ใช้ รวมถึงการดูแลตัวเองหลังฉีดด้วย ซึ่งระยะเวลาโดยทั่วไปของสารโบทูลินัมท็อกซินจะอยู่ได้นาน ดังนี้
- โปรแกรมฉีดโบท็อกซ์ เพื่อลดริ้วรอย หรือลดรอยตีนกา จะอยู่ได้นาน 3-4 เดือน ซึ่งจะเริ่มเห็นผลหลังฉีดประมาณ 3-7 วัน และเห็นผลที่ชัดเจนริ้วรอยลดลงประมาณ 14 วันหลังฉีด
- โปรแกรมฉีดโบท็อกซ์ เพื่อลดกราม หรือปรับรูปหน้า จะอยู่ได้นาน 5-6 เดือน โดยที่กล้ามเนื้อจะเริ่มนิ่มลงกัดฟันแล้วไม่เป็นก้อนกล้ามเนื้อเด้งประมาณ 14 วัน แล้วกรามจะเริ่มยุบลงประมาณ 1 เดือน และเห็นผลกรามยุบลงเต็มที่ใน 2-3 เดือน
ดื้อโบท็อกซ์อันตรายหรือไม่?
ภาวะดื้อโบท็อกซ์ไม่ได้เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่อาจทำให้เกิดความไม่สบายใจสำหรับผู้ที่ต้องการทำโปรแกรมฉีดโบท็อกซ์เพื่อความงาม เนื่องจากอาการดื้อโบท็อกซ์จะไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวัง และทำให้สิ้นเปลืองเงิน หรือทำให้เสียเวลาในการรักษาที่ทำแล้วไม่ได้ผล
ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่มีภาวะดื้อโบท็อกซ์อาจจะต้องรอให้ภูมิต้านทานต่อโบท็อกซ์ลดลงหรือหมดไปตามธรรมชาติ ซึ่งบางรายอาจจะใช้เวลาเพียงไม่กี่ปี หรือบางรายอาจใช้ระยะเวลานานถึง 10 ปี
วิธีป้องกันการดื้อโบท็อกซ์ ทำโปรแกรมฉีดโบท็อกซ์อย่างไรให้ปลอดภัย?
แนวทางการป้องกันและลดความเสี่ยงเพื่อไม่ให้เกิดภาวะดื้อดื้อโบท็อกซ์ หรือดื้อสารโบทูลินัมท็อกซินในอนาคต สามารถทำได้ดังนี้
- เว้นระยะการทำโปรแกรมฉีดโบท็อกซ์ให้เหมาะสม
เพื่อป้องกันการดื้อโบท็อกซ์ควรเว้นระยะห่างในการฉีดอย่างเหมาะสม ไม่ฉีดถี่จนเกินไป โดยควรเว้นระยะฉีดแต่ละครั้งประมาณ 3-4 เดือน
- เลือกฉีดในปริมาณที่พอดี ไม่มากเกินไป
จำนวนยูนิตที่ใช้ฉีดควรได้รับการประเมินและกำหนดโดยแพทย์ เพื่อลดความเสี่ยงไม่ให้เกิดภาวะดื้อโบท็อกซ์ ซึ่งจำนวนยูนิตที่ใช้นั้นจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ต้องการรักษาและผลลัพธ์ที่ต้องการของแต่ละบุคคล
- เลือกฉีดสารโบทูลินัมท็อกซินที่ได้มาตรฐาน
เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ยี่ห้อที่น่าเชื่อถือ ไม่เห็นแก่ของถูกจนเกินไป เพราะอาจจะทำให้ได้สารโปรตีนปนเปื้อน และเกิดภาวะดื้อโบท็อกซ์ได้
- ฉีดโบท็อกซ์กับแพทย์ที่มีประสบการณ์และคลินิกที่ได้มาตรฐาน
ควรทำการรักษาโดยแพทย์ เพราะแพทย์ที่มีประสบการณ์จะช่วยวิเคราะห์ใบหน้าและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล รวมทั้งเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและมีความน่าเชื่อถือ ก็จะช่วยไม่ให้เกิดอาการดื้อโบท็อกซ์ได้เป็นอย่างดี
ภาวะการดื้อโบท็อกซ์อาจทำให้ไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวัง หรือไม่เห็นผลการเปลี่ยนแปลงเลย ซึ่งการทำตามวิธีการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการดื้อโบท็อกซ์ตามมาในภายหลังถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุด โดยการฉีดโบท็อกซ์แต่ละครั้งควรได้รับการรักษาโดยแพทย์ เพื่อให้แพทย์ประเมินสภาพผิวและปัญหาที่ต้องการแก้ไขของคนไข้แต่ละคนอย่างละเอียด และเพื่อกำหนดจำนวนยูนิตที่ต้องใช้ให้เหมาะสมกับแต่ละจุด ก็จะช่วยลดความเสี่ยงของอาการดื้อโบท็อกซ์ลงได้สำหรับผู้ที่ต้องการทำหัตถการความงามอย่างการ ‘ฉีดสารโบทูลินัมท็อกซิน’ สามารถเข้ามาปรึกษากับคุณหมอได้ที่สปาชาทุกสาขา หรือสามารถปรึกษาทางออนไลน์ ทั้ง Inbox Facebook หรือ Line ได้เลยค่ะ